การกู้ยืมเงิน เป็นการยืมใช้สิ้นเปลืองอย่างหนึ่ง นิติกรรมการกู้ยืมเงินสมบูรณ์โดยการแสดงเจตนา
การกู้ยืมเงิน ไม่ว่ายอดจะมากหรือน้อย ก็สมบูรณ์แล้วตั้งแต่ที่มีการตกลงกัน (เสนอ สนอง ถูกต้องตรงกัน สัญญาเกิด) แต่หากจะต้องมีการฟ้องบังคับตามสัญญากู้ยืมเงินแล้ว ก็จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย กล่าวคือ การกู้ยืมเงินตั้งแต่ 2,000 บาท ขึ้นไป จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ถ้าไม่มีแล้ว เจ้าหนี้ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง แต่หากเป็นการฟ้องให้ชำระเงินไม่ถึง 2,000 บาท แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ เจ้าหนี้ก็สามารถฟ้องให้ลูกหนี้รับผิดตามสัญญากู้ยืมเงินได้
หลักฐานการกู้ยืมเงินต้องทำตอนไหน ?
หลักฐานการกู้ยืมเงิน เป็นเรื่องอำนาจฟ้อง แม้ไม่มีหลักฐาน การกู้ยืมเงินก็ยังคงสมบูรณ์ แต่หากจะฟ้องคดีต่อศาลแล้ว เจ้าหนี้ต้องมีหลักฐานการกู้ยืมเงินลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ดังนี้ หลักฐานการกู้ยืมเงินจะมีขึ้นตอนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีตอนทำสัญญา แต่ข้อสำคัญคือ จะต้องมีก่อนเจ้าหนี้ยื่นฟ้อง
สลีปการโอนเงิน เป็นหลักฐานการกู้ยืมและใช้เป็นหลักฐานการฟ้องได้หรือไม่
หลักฐานการกู้ยืมเงิน จะต้องอ่านแล้วเข้าใจได้ว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง เช่น มีข้อความว่าเป็นเงินที่ยืมกัน , มีข้อความว่าได้รับเงินแล้ว จะใช้คืนในภายหลัง , มีข้อความของลูกหนี้ยอมรับว่าเป็นเงินที่ยืมมา เป็นต้น หากไม่มีข้อความที่เป็นสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการกู้ยืมเงินกัน ย่อมใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินไม่ได้ ดังนั้น สลีปการโอนเงิน (เปล่า ๆ ไม่มีบันทึกในช่องสลีปว่าเป็นการยืม) รายการเดินบัญชี เหล่านี้ เป็นเพียงเอกสารที่แสดงให้เห็นว่ามีการส่งมอบเงินเท่านั้น ไม่แน่ชัดว่าเป็นการให้ยืมเงิน เพราะอาจเป็นการโอนเพื้อซื้อสินค้า หรือชำระค่าบริการใด ๆ ก็ได้ จึงใช่ใช่หลักฐานการกู้ยืมเงิน ใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องคดีกู้ยืมเงินไม่ได้ เว้นแต่จะใช้ประกอบข้อความที่ให้เห็นว่าเป็นการยืมเงินกัน เช่น ใช้ประกอบแชท ใช้ประกอบข้อความโต้ตอบเกี่ยวกับการยืมเงินกัน
ใส่ความเห็น